วัตถุประสงค์ (Purpose)
กฎหมายแม่แบบ MLAC มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการนำระบบอัตโนมัติมาใช้ในกระบวนการทำสัญญา เช่น การใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI), สัญญาในรูปแบบดิจิทัลที่สามารถ ทำงานได้แบบอัตโนมัติเมื่อบรรลุเงื่อนไขที่ถูกระบุไว้ (Smart Contracts) และการทำธุรกรรมระหว่างระบบกับระบบโดยตรง (Machine-to-Machine)
การจัดทำกฎหมายฉบับนี้ต่อยอดจากกฎหมายต้นแบบว่าด้วยพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2539 (1996) และอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการใช้การสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์
ในสัญญาระหว่างประเทศ พ.ศ. 2548 (2005) เพื่อให้ผู้บัญญัติกฎหมายในแต่ละประเทศสามารถนำชุดกฎเกณฑ์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลไปใช้ในการขจัดอุปสรรคทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นจากการทำสัญญาโดยอัตโนมัติ ซึ่งมีการอ้างอิงหลักการสำคัญของ UNCITRAL ดังนี้่ (1) ความเป็นกลางทางเทคโนโลยี (Technology Neutrality)
(2) การไม่เลือกปฏิบัติ ต่อการดำเนินงานผ่านวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
อีกทั้งยังยึดหลักการเสรีภาพในการกำหนดข้อตกลงของคู่สัญญา (Party Autonomy) ซึ่งสามารถกล่าวได้ว่าคู่สัญญามีสิทธิกำหนดที่จะเลือกใช้หรือไม่ใช้ระบบสัญญาอัตโนมัติในรูปแบบดิจิทัลเมื่อบรรลุเงื่อนไขที่ถูกระบุไว้ (Smart Contracts) ตราบใดที่ไม่ขัดต่อกฎหมายที่บังคับใช้
ความสำคัญของกฎหมายต้นแบบต่อการดำเนินงานจริง (Why is it relevant?)
ในปัจจุบัน ระบบอัตโนมัติได้ถูกนำมาใช้ในแทบทุกขั้นตอนของกระบวนการจัดทำสัญญา ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์ หรือการดำเนินงานของแพลตฟอร์มซื้อขายที่ใช้ระบบอัลกอริธึมและ AI ซึ่งเมื่อเทคโนโลยีมีความก้าวหน้า ระบบเหล่านี้สามารถทำงานได้แบบไม่ต้องพึ่งพาการควบคุมของมนุษย์ ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้เกิด ข้อสงสัยทางกฎหมายในประเด็นความสมบูรณ์ของสัญญาที่เกิดขึ้นโดยระบบอัตโนมัติความน่าเชื่อถือของกฎหมายสัญญาในปัจจุบันว่าสามารถรองรับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้หรือไม่
โดยกฎหมายต้นแบบฉบับนี้ได้กำหนดบทบัญญัติเพิ่มเติมที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมความชัดเจนและความน่าเชื่อถือที่สามารถรองรับการใช้ระบบอัตโนมัติในการก่อให้เกิดและปฏิบัติตามสัญญาอย่างถูกต้องตามกฎหมายที่ถูกจัดทำไว้ก่อนหน้า เช่น UNCITRAL MLEC (1996) และอนุสัญญาฯ ปี 2005 ซึ่งมีกล่าวถึงไว้เพียงบางส่วน
สาระสำคัญของกฎหมายต้นแบบ (Key Provisions)
กฎหมายแม่แบบฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อเสริมความสมบูรณ์ให้กับกฎหมายที่มีอยู่แล้วเกี่ยวกับธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์และการทำสัญญาผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะ
กฎหมายแม่แบบว่าด้วยพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (1996) และอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการใช้การสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ในการทำสัญญาระหว่างประเทศ (2005) ดังนั้น MLAC จึงวางหลักเกณฑ์เพิ่มเติมที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ “การทำสัญญาโดยระบบอัตโนมัติ” ซึ่งครอบคลุมสาระสำคัญทางกฎหมาย ดังต่อไปนี้
- การรับรองสถานะทางกฎหมายของธุรกรรมอัตโนมัติในขั้นตอนการทำและการปฏิบัติตามสัญญา
- การรับรองทางกฎหมายของการใช้ซอฟต์แวร์ โค้ด และข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลงแบบไดนามิก ซึ่งเป็นแกนกลางของธุรกรรมอัตโนมัติ
- การกำหนดว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อ “ผลลัพธ์” ที่เกิดจากระบบการทำสัญญาอัตโนมัติ
- การกำหนดกฎเกณฑ์เกี่ยวกับ “ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด” จากระบบอัตโนมัติ
กฎหมายต้นแบบ MLAC จึงเป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่สำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้ระบบอัตโนมัติและ AI ในการทำธุรกรรมทางสัญญาในยุคดิจิทัล โดยไม่ละเลยต่อหลักการพื้นฐานของกฎหมายและสิทธิของคู่สัญญา
ที่มา: https://uncitral.un.org/en/mlac