
AIGC
- 12 มิ.ย. 68
-
71
-
ETDA เปิดเวทีชวนคิด: ไทยได้อะไร? จากการเป็นเจ้าภาพเวทีโลก ‘The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025’
รู้หรือไม่? วันที่ 24-27 มิถุนายนนี้ ประเทศไทยกำลังจะมีงานใหญ่ระดับโลก ‘The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025’ ภายใต้การนำของ 3 กระทรวงหลัก ทั้งกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.), กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และ UNESCO จัดขึ้น เพื่อเชิญผู้นำ นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญกว่า 800 คน จาก 194 ประเทศทั่วโลก มาร่วมหารือ กำหนดอนาคตนโยบายและจริยธรรม AI ของโลกที่โปร่งใสเป็นธรรม สร้างความสมดุลระหว่างการส่งเสริมนวัตกรรม AI กับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน สอดคล้องกับ UNESCO Recommendation on the Ethics of AI หรือ UNESCO RAM

แน่นอนว่าหลายคนอาจมีข้อสงสัยว่า การที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดประชุมวิชาการระดับนานาชาติครั้งนี้ มีความสำคัญอย่างไร และประเทศไทยจะได้อะไรจากการจัดงานครั้งนี้ ? สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ETDA ในฐานะหน่วยงานหลัก ที่มีบทบาทในการจัดงาน ภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จึงเปิดเวที ETDA Live เชิญผู้เชี่ยวชาญที่อยู่เบื้องหลังของงานนี้ นำโดย ดร.ชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน พัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยี อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ แห่งชาติ (NECTEC) และ ดร.สลิลธร ทองมีนสุข นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) มาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง วิเคราะห์โอกาส และความท้าทาย งานนี้มีความสำคัญอย่างไร ทำไมประเทศไทยจึงได้รับคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพ การประชุมวิชาการนานาชาติครั้งนี้จะนำไปสู่โอกาสใหม่ ๆ อะไรบ้าง หาคำตอบพร้อมกันใน AI Governance Webinar 2025 EP.3 The 3rd UNESCO Global Forum 2025 เปิดโอกาสประเทศไทย สู่ศูนย์กลาง AI Governance แห่งเอเชีย

ทำไมไทย ‘ขึ้นแท่นเจ้าภาพร่วม UNESCO’ เปิดเวทีประชุมนานาชาติ AI
บอกก่อนว่างานนี้ประเทศไทยไม่ได้มาเล่นๆ เพราะเหตุผลสำคัญที่ทำให้ประเทศไทย “เข้าตา” จนได้รับคัดเลือกไม่ใช่แค่เพราะชื่อเสียงในฐานะจุดหมายปลายทางด้านการประชุมและการท่องเที่ยวระดับโลกเท่านั้นแต่ยังเป็นผลมาจากความพร้อมด้าน AI ในมิติทางจริยธรรมและธรรมาภิบาล ที่ประเทศไทย วางรากฐานไว้อย่างแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็น
- ด้านนโยบายและแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน ผ่านแผนยุทธศาสตร์ชาติด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) คือ "แผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย พ.ศ. 2565 – 2570" และมีแนวทางจริยธรรม AI ที่ประกาศใช้ตั้งแต่ปี 2565 ที่ใช้เป็นกรอบกำกับการพัฒนาและการประยุกต์ใช้ AI อย่างมีจริยธรรมในทุกภาคส่วน
- มีหน่วยงานขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการ ด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (National AI Committee) หรือ ‘บอร์ด AI แห่งชาติ’ ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และนโยบายด้านปัญญาประดิษฐ์ในระดับประเทศ
- มีโครงสร้างพื้นฐานด้านการกำกับดูแลรองรับ ผ่านศูนย์ AI Governance Center (AIGC) โดย ETDA ที่เป็นศูนย์กลางในการให้คำปรึกษา ส่งเสริมการพัฒนาและการประยุกต์ใช้ AI อย่างมีจริยธรรมและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล
- ความมุ่งมั่นและการขับเคลื่อนอย่างจริงจัง ที่ไม่เพียงแต่เน้นการส่งเสริมให้เกิดการประยุกต์ใช้ AI เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล แต่ยังยึดหลักจริยธรรมและธรรมาภิบาลที่สอดคล้องกับแนวทางของ UNESCO เป็นกรอบในการดำเนินการอีกด้วย
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า ประเทศไทยไม่ได้เพียงแค่ “พร้อมเป็นเจ้าภาพ” แต่ยังพร้อมแสดงบทบาท ผู้นำการขับเคลื่อนและการพัฒนาให้เกิดการใช้ AI อย่างมีจริยธรรมในเวทีระดับโลก

เปิดไฮไลต์ UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025 ที่ทั่วโลกจับตา
สำหรับงาน The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025 ในครั้งนี้จะมีทั้งเวทีหารือเชิงนโยบายและเนื้อหาความรู้ที่หลากหลายจากเหล่าผู้นำระดับประเทศที่จะถูกเชิญมาร่วมหารือแลกเปลี่ยน องค์ความรู้กันที่เวทีนี้ โดยเฉพาะในส่วนของนโยบายที่จะเชิญรัฐมนตรีดิจิทัลจาก 10 ประเทศในอาเซียนมาร่วมประชุม (High-Level Policy Discussion) เพื่อร่วมกำหนดทิศทางการพัฒนา AI ในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะในประเด็น "จริยธรรมของ AI" ว่าจะนําหลักการของ UNESCO มาปรับใช้อย่างไรให้เหมาะสมกับบริบทอาเซียน และนี่จะเป็นโอกาสสำคัญ ที่ไทยจะนำเสนอเตรียมจัดตั้ง “ศูนย์ปฏิบัติการด้านธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์ของภูมิภาค หรือ AI Governance Practice Center (AIGPC)” ที่เป็นก้าวสำคัญของเอเชีย-แปซิฟิกสู่ศูนย์กลางจริยธรรม AI ที่สำคัญงานนี้จะเปิดเวทีพูดคุยเกี่ยวกับการนำ AI มาใช้ในวงการแพทย์ซึ่งต้องคำนึงถึงจริยธรรมอย่างรอบด้าน พร้อมเสนอแนวทางการกำกับดูแลอย่างเป็นรูปธรรม เช่น การประเมินความเสี่ยงและการอนุมัติใช้งานโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของ AI ที่มีความเสี่ยงด้านจริยธรรมสูง เช่น การเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิผู้ป่วยหรือการให้ผลลัพธ์ที่คลาดเคลื่อน จำเป็นต้องมีมาตรการกำกับดูแลที่เข้มงวด ซึ่งจะสร้างความน่าเชื่อถือและช่วยให้สังคมมั่นใจในการใช้งาน AI ทางการแพทย์ในประเทศไทยมากขึ้น
และที่พลาดไม่ได้และเกี่ยวข้องกับพวกเราทุกคน คือ การเปิดเวทีถกประเด็นเร่งด่วนของภูมิภาค เอเชียแปซิฟิก ไม่ว่าจะเป็น AI and online Fraud อย่าง ภัยคุกคามจาก Deepfake การโจมตีทางไซเบอร์ การหลอกลวงทางการเงิน แนวทางการตรวจจับการฉ้อโกง การนำ AI เข้ามาใช้แทนแรงงาน การนำ AI มาใช้ในการศึกษาหรือแม้แต่การมาถึงของเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอย่าง Neurotechnology ที่ AI ใช้วิเคราะห์ความคิด อารมณ์และท่าทางของมนุษย์ได้ ไปจนถึงการตัดสินใจอัตโนมัติ (AI Decision-Making) ที่ไม่สามารถอธิบายที่มาที่ไปได้ว่าตัดสินใจอย่างไร ซึ่งประเด็นเหล่านี้ล้วนเป็นโจทย์ ที่ท้าทาย และต้องการกรอบธรรมาภิบาลที่เข้มแข็ง ทันต่อการเปลี่ยนแปลง เพื่อรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ยังมี Special Session ที่น่าจับตา คือ การนำเสนอแนวทางการใช้ AI เพื่อส่งเสริม เศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทยในด้านการท่องเที่ยว วัฒนธรรม และอาหารไทย พร้อมเสริมพลัง Soft Power ให้ยิ่งโดดเด่น เช่น การใช้ AI ช่วยคัดเลือกไฮไลต์ทางวัฒนธรรมมานำเสนอได้อย่างน่าสนใจ หรือแม้แต่ การแปลภาษาไทยให้เข้าใจง่ายและเข้าถึงผู้คนทั่วโลก เป็นต้น

ไทยได้อะไร? จากการเป็นเจ้าภาพเวทีโลก ความน่าสนใจของงานนี้ ไม่ใช่แค่สิ่งที่เกิดขึ้นในงานเท่านั้นแต่คือโอกาสที่ประเทศไทยจะได้รับหลัง จบงาน โดยผู้เชี่ยวชาญ สะท้อนมุมมองว่า มี 3 ประเด็นใหญ่ๆ ที่ไทยจะได้จากการเป็นเจ้าภาพร่วมครั้งนี้ คือ
1) เสริมบทบาทประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลาง AI Governance แห่งเอเชีย ประเทศไทย จะมีโอกาสก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางด้าน AI ที่สำคัญในภูมิภาคนี้ เพราะการที่ UNESCO เลือกประเทศไทยเป็นเจ้าภาพร่วมสะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนา AI อย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่ในมิติของการกำกับดูแลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการส่งเสริมและผลักดันการนำ AI ไปใช้เพื่อขับเคลื่อน เศรษฐกิจและพัฒนาสังคมไทยให้เติบโตก้าวหน้าอย่างยั่งยืน
2) เสริมจุดแข็ง ปิดจุดอ่อน ยกระดับความพร้อม AI ไทยสู่มาตรฐานสากล เพราะนี่เป็นโอกาสสำคัญที่ไทยจะได้นำเสนอผลการประเมินความพร้อมผ่านกรอบ UNESCO RAM ที่ทำให้ประเทศได้ประเมินศักยภาพตัวเองด้าน AI อย่างเป็นระบบ มองเห็นทั้งจุดอ่อน จุดแข็ง และรู้ว่าต้องเร่งเสริมเติมเต็มในจุดไหนเพื่อปิดช่องว่างและขับเคลื่อนการพัฒนา AI ตามกรอบจริยธรรม ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องตามมาตรฐานสากล
3) ยกระดับศูนย์ธรรมาภิบาล AI ของไทยสู่มาตรฐานสากล การจัดงานครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้น ในการผลักดัน AI Governance Practice Center (AIGPC) อย่างเป็นรูปธรรม ที่ถือเป็นหมุดหมายสำคัญ ที่กระทรวงดิจิทัลฯ โดย ETDA และศูนย์ AIGC มุ่งยกระดับไทยสู่ศูนย์กลางธรรมาภิบาล AI แห่งเอเชีย-แปซิฟิก ภายใต้การสนับสนุนของ UNESCO เพื่อขับเคลื่อนการใช้ AI อย่างมีจริยธรรม และผลักดันการประยุกต์ใช้เครื่องมือประเมินความพร้อม (RAM) ให้เกิดผลจริงในประเทศกำลังพัฒนา

นอกจากนี้ ยังช่วยยกระดับศักยภาพงานวิจัยไทย พร้อมเปิดพื้นที่ให้นักวิจัยไทย ได้แลกเปลี่ยนความรู้กับนักวิชาการนานาชาติ นำแนวคิดจากงานวิจัยเชิงทฤษฎีมาต่อยอดสู่ การใช้งานจริง เรียนรู้จากประสบการณ์และ Best Practice ของต่างประเทศ โดยไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ พร้อมเปิดประตูสู่ ความร่วมมือวิจัยข้ามชาติ ยิ่งไปกว่านั้น ยังช่วย เติมเต็มช่องว่างในงานวิจัยไทย และเชื่อมโยงองค์ความรู้ให้เข้ากับ มาตรฐานระดับสากล พร้อมต่อยอดสู่ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว วัฒนธรรม อาหาร หรือบริการ ด้วยการนำเสนอในรูปแบบใหม่ที่ น่าสนใจ เข้าถึงง่าย และทันสมัย นี่คืออีกก้าวสำคัญในการ ขับเคลื่อน Soft Power ของไทยสู่เวทีโลก

เวที The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025 ไม่เพียงเป็นเวทีสำคัญในการแสดงความมุ่งมั่นร่วมกันของประชาคมโลกในการประยุกต์ใช้และพัฒนา AI อย่างมีจริยธรรม แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญในการแสดงศักยภาพและความพร้อมของไทยต่อสายตา ชาวโลกในฐานะผู้นำด้านจริยธรรม AI ของภูมิภาค พร้อมต่อยอดไปสู่โอกาสมากมาย ที่จะตามมาในอนาคต เพื่อไม่พลาดโอกาสในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์สำคัญ ที่กำหนดทิศทางอนาคตเทคโนโลยี AI ของโลก สามารถติดตาม ความเคลื่อนไหวได้ที่
www.globalforumethicsai.com หรือเพจ
ETDA Thailand