TOP

Sitemap

Sitemap Descriptions

เกี่ยวกับ สพธอ.

ข่าวประชาสัมพันธ์

เวทีอาเซียน–นานาชาติแลกเปลี่ยนมุมมองความท้าทายแพลตฟอร์มดิจิทัล

Digital Platform Service Documents
  • 30 ก.ย. 68
  • 45

เวทีอาเซียน–นานาชาติแลกเปลี่ยนมุมมองความท้าทายแพลตฟอร์มดิจิทัล

ในยุคที่เศรษฐกิจดิจิทัลกลายเป็นหัวใจของการเติบโตทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน การกำกับดูแลแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ดำเนินงานข้ามพรมแดนโดยไร้สถานะทางกายภาพ กลายเป็นความท้าทายที่แต่ละประเทศไม่อาจรับมือเพียงลำพัง ด้วยเหตุนี้ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) จึงร่วมมือกับกระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสาร สปป.ลาว จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “ASEAN Workshop on Regional Recommendations for Digital Platform Regulation” ระหว่างวันที่ 4–5 กันยายน 2568 ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีผู้แทนจากรัฐบาลและนักวิชาการจากประเทศในภูมิภาคอาเซียน สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และยูเนสโก เข้าร่วมงานนี้ถือเป็นครั้งแรกที่อาเซียนเปิดเวทีหารือเพื่อวางแนวทางรับมือความท้าทายแพลตฟอร์มดิจิทัลโดยเน้นว่าควรเป็นแนวทางที่ยืดหยุ่น ปรับใช้ได้กับบริบทของแต่ละประเทศ และตั้งอยู่บนความเข้าใจร่วมกันในสถานการณ์ความเสี่ยง ความรักษาสมดุลของอำนาจตลาด และผลกระทบที่แท้จริงต่อผู้บริโภค

สหรัฐฯ ชี้ความโปร่งใสต้องมากับความรับผิดชอบ
หนึ่งในเสียงสำคัญจากเวทีนี้คือ Prof. Anupam Chander จาก Georgetown University สหรัฐอเมริกา ซึ่งกล่าวถึงรากฐานของกฎหมายความรับผิดของคนกลาง (intermediary liability) ในสหรัฐฯ โดยเฉพาะมาตรา 230 แห่ง Communications Decency Act ที่ให้ภูมิคุ้มกันทางกฎหมายกับแพลตฟอร์มที่เปิดให้ผู้ใช้สร้างเนื้อหาเอง

Prof. Chander เตือนว่าการปรับแก้กฎหมายที่ขาดความระมัดระวังอาจก่อให้เกิดผลลัพธ์ไม่พึงประสงค์ เช่น แพลตฟอร์มต้องเซ็นเซอร์เนื้อหาโดยไม่จำเป็น หรือกีดกันการแสดงออกทางการเมือง “เมื่อแพลตฟอร์มกลัวความรับผิด พวกเขาก็จะไม่เสี่ยง และความหลากหลายของเสียงในสังคมจะหายไป” เขากล่าว พร้อมเน้นว่า กุญแจของการกำกับดูแลที่ดีคือ “การส่งเสริมความรับผิดชอบโดยไม่ลดทอนเสรีภาพ”

ด้านคุณ Mina Narayanan จาก Center for Security and Emerging Technology (CSET) ได้นำเสนอแนวโน้มของการออกแบบกฎหมาย AI ที่กำลังเกิดขึ้นในหลายรัฐ เช่น Colorado AI Act ซึ่งกำหนดให้ต้องมีระบบบริหารความเสี่ยงของ AI อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในระบบที่มีผลต่อการตัดสินใจด้านการจ้างงาน การเงิน และสุขภาพ
Narayanan เน้นว่า “ความโปร่งใสของอัลกอริทึมไม่ใช่แค่เรื่องของการเปิดเผยโค้ด แต่คือการอธิบายได้ว่า AI มีบทบาทอย่างไรในผลลัพธ์ที่กระทบกับผู้คน” และเสนอให้พิจารณากรอบความร่วมมืออาเซียนที่ให้ความสำคัญกับ algorithmic impact assessment และ explainable AI

ญี่ปุ่นและยุโรป: จากการกำกับดูแลตนเองสู่การมีมาตรฐานกลาง
จากเอเชียฝั่งตะวันออก Dr. Qi Jun Kwong จาก Hokkaido University ประเทศญี่ปุ่น นำเสนอแนวทางการกำกับดูแลแพลตฟอร์มของญี่ปุ่นแม้ญี่ปุ่นจะไม่ได้ใช้กฎหมายแบบ “ฉบับเดียวจบ” เช่นเดียวกับ DSA ของสหภาพยุโรป แต่รัฐบาลญี่ปุ่นได้ดำเนินการพัฒนาระบบกฎหมายและแนวนโยบายเฉพาะด้านอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเด็นความโปร่งใสของแพลตฟอร์ม การรับผิดชอบต่ออัลกอริทึม และการคุ้มครองผู้บริโภค เช่น กฎหมายต่อต้านการโฆษณาหลอกลวง (Act against Unjustifiable Premiums and Misleading Representations) และกฎหมายธุรกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Act on Specified Commercial Transactions) ซึ่งบังคับใช้กับแพลตฟอร์มดิจิทัลโดยตรง นอกจากนี้ยังมีแนวทาง soft law ที่ส่งเสริมให้แพลตฟอร์มเปิดเผยระบบแนะนำเนื้อหา (Recommendation System Transparency Guidelines) เพื่อให้เกิดความเข้าใจต่อผู้ใช้งานมากขึ้น
ฝั่งสหภาพยุโรป Mr. Menno Cox ที่ปรึกษาจาก the European Commission’s DG CONNECT ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ตรงของสหภาพยุโรปในการออกแบบและบังคับใช้กฎหมายสองฉบับสำคัญ ได้แก่ พระราชบัญญัติบริการดิจิทัล (Digital Services Act: DSA) และ พระราชบัญญัติตลาดดิจิทัล (Digital Markets Act: DMA) ซึ่งนับเป็นกฎหมาย “แนวหน้า” ของโลกที่มุ่งวางกติกาสำหรับแพลตฟอร์มออนไลน์รายใหญ่ โดยไม่เพียงเน้นที่ความรับผิดของแพลตฟอร์ม แต่ยังจัดการกับอำนาจทางเศรษฐกิจและการเข้าถึงข้อมูลของแพลตฟอร์มเหล่านี้อย่างเป็นระบบ และชี้ว่า DSA และ DMA ของยุโรปไม่ใช่แค่กฎหมาย แต่เป็น “แพลตฟอร์มความร่วมมือระดับภูมิภาค” ที่สร้างเครื่องมือใหม่ เช่น algorithmic audit, risk mitigation plan, crisis protocol และ trusted flagger system

Mr. Cox ยังเสนอด้วยว่า ประเทศในอาเซียนอาจไม่จำเป็นต้องนำกฎหมายแบบ DSA หรือ DMA ไปใช้ทั้งฉบับ แต่ควรศึกษา “เจตนารมณ์” และ “กลไกเชิงระบบ” ของกฎหมายยุโรป เช่น การกำหนดความเสี่ยง การสร้างฐานข้อมูลสาธารณะเกี่ยวกับพฤติกรรมของแพลตฟอร์ม หรือการเปิดเผยอัลกอริทึมในลักษณะที่ผู้ใช้งานเข้าใจได้จริง เพื่อให้สามารถดัดแปลงใช้ได้ตามบริบทของแต่ละประเทศ

UNESCO: เชื่อมโยงการกำกับแพลตฟอร์มกับสิทธิมนุษยชน
ยูเนสโกยังมีบทบาทสำคัญในเวทีนี้ในฐานะผู้ผลักดันหลักของแนวทาง “Internet Universality Indicators” และการประเมินความพร้อมด้าน AI อย่างเป็นระบบโดย Mr. Joe Hironaka Regional Advisor ของ UNESCO ชี้ให้เห็นว่า การกำกับดูแลแพลตฟอร์มไม่ควรมองเฉพาะในเชิงเศรษฐกิจหรือความมั่นคงเท่านั้น แต่ต้องเชื่อมโยงกับสิทธิเสรีภาพ การมีส่วนร่วมของพลเมือง และหลักธรรมาภิบาลดิจิทัล
“เราควรส่งเสริมระบบนิเวศดิจิทัลที่โปร่งใส ยั่งยืน และให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง ปลอดภัย และไม่ถูกปิดกั้น” Mr. Phinith Chanthalangsy Regional Advisor อีกท่านกล่าว พร้อมเสนอให้รัฐบาลในภูมิภาคอาเซียน ใช้อินดิเคเตอร์ของยูเนสโกเป็นแนวทางในการประเมินและออกแบบนโยบายแพลตฟอร์ม

นักวิจัยไทยนำเสนอแนวโน้มของการกำกับดูแลในอาเซียน
การประชุมครั้งนี้ยังมีการเปิดตัวร่างข้อเสนอเชิงนโยบายร่วมกับผลการสำรวจความคิดเห็นของหน่วยงานในอาเซียน โดยมี ดร. สลิลธร ทองมีนสุข นักวิชาการอาวุโสแห่ง TDRI เป็นผู้นำเสนอผลการศึกษาดังกล่าว
โดยดร. สลิลธร ได้กล่าวว่า “เรากำลังเห็นแนวโน้มใหม่จากหลายประเทศทั่วโลกที่เริ่มตั้งคำถามว่าหน่วยงานกำกับดูแลควรมีเครื่องมือแบบใดเพื่อให้แพลตฟอร์มปลอดภัย โปร่งใส โดยไม่ขัดกับนวัตกรรม” อาทิเช่น หลายประเทศก็เริ่มขยับจาก “หลักการทั่วไป” ของแนวคิดเรื่อง การยกเว้นความรับผิดของคนกลาง (safe harbor) สู่การกำหนดหน้าที่ขั้นต่ำสำหรับแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย
ในมิติเศรษฐกิจ มีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับพฤติกรรมของแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ที่อาจกีดกันคู่แข่ง เช่น การผูกขาดช่องทางการติดตั้งแอป การจัดลำดับผลการค้นหาโดยให้บริการของตนเองอยู่เหนือคู่แข่ง หรือการกำหนดเงื่อนไขที่ทำให้แพลตฟอร์มรายใหม่เข้าถึงผู้ใช้ได้ยาก แนวโน้มเหล่านี้ทำให้หลายฝ่ายว่าจำเป็นต้องมีกลไกเฉพาะเพื่อป้องกันไม่ให้ตลาดถูกครอบงำ
ขณะเดียวกัน ประเด็นภัยจากการใช้แพลตฟอร์มในการหลอกลวงผู้บริโภค หลายฝ่ายมองว่าเป็นพื้นที่ที่อาเซียนสามารถสร้างกลไกความร่วมมือเชิงปฏิบัติ” ดร. สลิลธรกล่าว
สาระสำคัญที่สะท้อนจากเวทีนี้
ความร่วมมือในระดับภูมิภาคเป็นสิ่งจำเป็นไม่ใช่เพียงเพื่อให้มีกฎเกณฑ์ที่บังคับใช้ได้จริงเท่านั้น แต่เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมในความเสี่ยง การแบ่งปันข้อมูลที่จำเป็นร่วมกัน สร้างพื้นที่ให้นวัตกรรมเติบโต และปกป้องผู้บริโภคในโลกที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
เพราะในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลและบริการเคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนได้ตลอดเวลา ความท้าทายไม่ได้หยุดอยู่แค่ในประเทศใดประเทศหนึ่ง และการแก้ปัญหาก็ไม่สามารถสร้างได้โดยลำพัง ความร่วมมือจึงเป็นหัวใจของการออกแบบเครื่องมือที่จำเป็น
 
ประเด็นเหล่านี้ถือเป็นสิ่งที่อาเซียนให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง และยังเชื่อมโยงกับการถกเถียงในระดับโลกเกี่ยวกับการกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งจะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยต่อในการประชุม ASEAN–UNESCO Multistakeholder Forum on the Governance of Digital Platforms ที่สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะร่วมเป็นเจ้าภาพกับองค์การยูเนสโก ร่วมกับสำนักเลขาธิการอาเซียน และโครงการ Global Initiative on the Future of the Internet ของสถาบันมหาวิทยาลัยยุโรป (EUI) ระหว่างวันที่ 20–22 ตุลาคม 2568 ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของ สพธอ.

Rating :
Avg: 0 (0 ratings)