TOP

Sitemap

Sitemap Descriptions

เกี่ยวกับ สพธอ.

OUR SERVICES

บริการของเรา

กฎหมายดิจิทัล

กฎหมายดิจิทัล

เสริมทักษะคนไทยอย่างรู้เท่าทัน เพิ่มโอกาสใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ พัฒนาไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

สถาบัน ADTE (เอดเต้) ACADEMY OF DIGITAL TRANSFORMATION BY ETDA

KNOWLEDGE

SHARING

คลังความรู้

การใช้ระบบรู้จำใบหน้า (Facial Recognition) ตอบโจทย์การพิสูจน์และยืนยันตัวตนได้จริงไหม

ระบบรู้จำใบหน้าเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ช่วยเพิ่มความสะดวกและความแม่นยำในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล แต่ก็ยังมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และอคติที่ส่งผลต่อความแม่นยำในบางกลุ่มประชากร การโจมตีแบบปลอมแปลงและการรั่วไหลของข้อมูลเป็นความท้าทายสำคัญ ซึ่งแนวทางที่เหมาะสมคือการใช้เทคโนโลยีนี้ร่วมกับวิธีการยืนยันตัวตนอื่นและมาตรการป้องกันที่รัดกุม

จุดอ่อนและแนวทางป้องกันภัยคุกคามจากการใช้งานชีวมิติ (Biometrics)

การยืนยันตัวตนด้วยเทคโนโลยีชีวมิติ (Biometric) ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายเนื่องจากความสะดวกและความแม่นยำค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม การใช้งานดังกล่าวก็มีความเสี่ยงด้านความมั่นคงปลอดภัย เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการโจมตี จำเป็นต้องมีมาตรการป้องกัน เช่น การเข้ารหัสข้อมูล การควบคุมการเข้าถึง และการตรวจจับการโจมตี (PAD) นอกจากนี้ ควรใช้การยืนยันตัวตนแบบหลายปัจจัยร่วมกับชีวมิติเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้น

ปฏิทินกิจกรรม

EVENT CALENDAR

ETDA

NEWS

17 ก.ย. 68

ETDA (เอ็ตด้า) เผยสถิติร้องเรียนปัญหาออนไลน์ จากศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์ หรือ 1212 ETDA ระหว่างเดือน ม.ค.-ส.ค. 68 พบปัญหาร้องเรียนออนไลน์ 27,332 เรื่อง เพิ่มขึ้นจากปี 67 ในช่วงเวลาเดียวกันถึง 4,574 เรื่องหรือร้อยละ 20.10 โดย ‘ปัญหาซื้อขายออนไลน์-เว็บไซต์ผิดกฎหมาย’ ยังคงครองแชมป์ร้องเรียนม

16 ก.ย. 68

⚡️ ไปกันต่อกับสินค้าและผลิตถัณฑ์จากทีมผู้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศประจำ “ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” 💥

15 ก.ย. 68

ดร.ชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA กล่าวว่า การประยุกต์ใช้ AI ในองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน มีจำนวนมากขึ้นต่อเนื่อง ทั้งยังเกิดเคสต่างๆ มากมาย ทั้งในมุมที่ AI เข้ามาช่วยสร้างโอกาส จนมาถึงการสร้างความเสี่ยงที่อาจกระทบต่อองค์กร

ศัพท์ความรู้

คำที่ถูกค้นหามากที่สุด

  • e-Commerce

    e-Commerce (Electronic Commerce) คือ อีคอมเมิร์ซ, พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นการทำธุรกรรมซื้อขาย หรือแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการบนอินเทอร์เน็ต โดยใช้เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันเป็นสื่อในการนำเสนอสินค้าและบริการต่าง ๆ รวมถึงการติดต่อกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ทำให้ผู้เข้าใช้บริการจากทุกที่ทุกประเทศ หรือทุกมุมโลกสามารถเข้าถึงร้านค้าได้ง่ายและตลอด 24 ชั่วโมง [1]   e-Commerce เป็นส่วนหนึ่งของ ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Transaction) ที่ขอบเขตกว้างกว่า โดยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ธุรกรรมทางออนไลน์ หมายถึง กิจกรรมใด ๆ ที่กระทำขึ้นระหว่างหน่วยธุรกิจ บุคคล รัฐ ตลอดจนองค์กรเอกชนหรือองค์กรของรัฐใด ๆ เพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ การค้า และการติดต่องานราชการ โดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ยกตัวอย่าง เช่น การซื้อ-ขายสินค้าผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต, การสมัครสมาชิกผ่านระบบออนไลน์, การตกลงทำสัญญาซื้อ-ขาย หรือสัญญาตกลงตามข้อบังคับต่าง ๆ บนเครือข่าย, การโอนเงินด้วยระบบอัตโนมัติผ่านระบบเครือข่าย, การสื่อสารรับ-ส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ด้วยเครือข่ายการสื่อสาร และการสอบถามข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ เป็นต้น [2]   ที่มา: [1] สวทช. [2] ICT Law Center

  • ISP (Internet Service Provider)

    Internet service provider (ISP) หรือ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต  คือ บริษัทที่ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต โดยผู้ให้บริการจะเชื่อมโยงลูกค้าเข้ากับเทคโนโลยีรับส่งข้อมูลที่เหมาะสมในการส่งผ่านอุปกรณ์โพรโทคอลอินเทอร์เน็ต เช่น Dial, DSL, เคเบิลโมเด็ม ไร้สาย หรือการเชื่อมต่อระบบไฮสปีด เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตอาจให้บริการ เปิดบัญชีชื่อผู้ใช้ในอีเมล เพื่อติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นโดยรับ-ส่งผ่านเซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการ ในบางครั้งผู้ให้บริการทางอินเทอร์เน็ตอาจให้บริการเก็บไฟล์ข้อมูลระยะไกล รวมถึงเรื่องเฉพาะทางอื่น   แหล่งข้อมูลอ้างอิง: http://www.thefreedictionary.com/isp

  • กฎหมายอาญา

    หมายถึง กฎหมายที่กำหนดลักษณะของการกระทำหรือไม่กระทำอย่างใดถือว่าเป็นความผิด และกำหนดบทลงโทษทางอาญาสำหรับผู้กระทำความผิด ทั้งนี้ เพื่อเป็นรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองและสังคม โดยกฎหมายอาญากำหนดโทษทางอาญาสำหรับผู้กระทำความผิด แบ่งได้ ๕ ประการ (ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘) ดังนี้ (๑) ประหารชีวิต (๒) จำคุก (๓) กักขัง (๔) ปรับ (๕) ริบทรัพย์สิน